วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปัญหาน้ำเสียบริเวณสวนนันทนาการ


ประวัติมหาวิทยาลัยบูรพา
มหาวิทยาลัยบูรพา ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 647 ไร่ 35 ตารางวา เป็นมหาวิทยาลัยประจำภาคตะวันออก ซึ่งได้รับการยกฐานะจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน โดยมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533
ความเป็นมาก่อนที่จะก่อตั้งเป็น มหาวิทยาลัยบูรพานั้น ได้เริ่มในปี พ.ศ. 2492 โดยมีการจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูงขึ้น ณ ซอยประสานมิตร อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น วิทยาลัยวิชาการศึกษาในปี พ.ศ. 2498 ได้ขยายวิทยาเขตออกไปอีก 2 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยวิชาการศึกษาปทุมวัน และวิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ได้ก่อตั้ง วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน ขึ้นซึ่ง ชาววิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสนถือว่า วันที่ 8 กรกฎาคม หรือเรียกว่า "แปดกรกฎ" ของทุกปีเป็นวันคล้าย วันสถาปนามหาวิทยาลัย จัดเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศ ที่ตั้งอยู่ส่วนภูมิภาคกำหนดหลักสูตร 4 ปี ผู้เรียนสำเร็จตามหลักสูตรได้รับปริญญาการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2499 ได้รับโอนโรงเรียนพิบูลบำเพ็ญ ต.แสนสุข ชลบุรี เพื่อปรับปรุงให้เป็นโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อโรงเรียนใหม่ว่า โรงเรียนสาธิต"พิบูลบำเพ็ญ" วิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน ในปี พ.ศ. 2501 บัณฑิตรุ่นแรก จำนวน 35 คน สำเร็จการศึกษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 ได้เปิดรับนักศึกษาบุคคลภายนอก ผู้มีวุฒิ ป.ม. หรือ พ.ม. หรือ อ.กศ. ป.กศ.สูง หรือเทียบเท่าเข้าศึกษาภาคสมทบในหลักสูตร การศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.)
ในปี พ.ศ. 2512 ได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มขึ้น และเปิดให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าชมเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2515 กรมสามัญศึกษาได้โอนอาคารเรียน ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของวิทยาลัยบางแสนให้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยวิชาการศึกษา ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2517 วิทยาลัยวิชาการศึกษาได้รับการเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดังนั้น วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน จึงมีฐานะเป็น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสนและได้มีการปรับปรุงกิจการดำเนินการของมหาวิทยาลัย ขึ้นตามลำดับ
ในปี พ.ศ. 2531 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกฐานะมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน เป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยบูรพา สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา ลงมติรับหลักการและส่งให้คณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการจนกระทั่ง ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 จึงได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยบูรพาโดยประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 107


ภาพและบรรยากาศบริเวณสวนนันทนาการ



                 เป็นสวนสาธารณะที่มาเป็นที่สำหรับออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจของนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปคนในรแวกนั้นได้มาออกกำลังการบริเวณสวนนันก็จะมีเครื่องออกกำลังการแบบต่างมีที่วิ่งจ๊อกกิ้งรอบๆสระน้ำบริเวณสวนนันประกอบไปด้วยสนามฟุตบอล โรงยิม สระว่ายน้ำ สนามบาส และโซนที่ให้อาหารปลาซึ่งในเมื่อมีการเข้าไปใช้บริการในสวนนันเป็นจำนวนมากทำให้ปัญหาการทิ้งขยะลงในสระน้ำและไม่ค่อยมีระบบบำบัดน้ำอย่างจริงจังทำให้น้ำในสระมีสีเขียวส่งกลิ่นเหม็นบางทีก็มีปลาลอยขึ้นมาตายทำให้บริเวณสวนนันสกปรกดูไม่สะอาดเวลาคนไปออกกำลังกายส่งผลกระทบให้คนที่ไปวิ่งหรือไปทำกิจกรรมต่างๆบริเวณสานนันทำให้เสียสุขภาพจิต เนื่องจากน้ำในสระได้ส่งกลิ่นเหม็นและมีขยะลอยอยากให้ทางมหาลัยได้มีการรนณรงค์เก็บขยะบริเวณนั้นหรือมีการบัดบัดน้ำอย่างจริงจังเพื่อสวนสาธารณะจะได้สวยงามและน่าเข้าไปใช้บริการหรือทำกิจกรรมต่างๆพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น

ความคิดเห็นของผู้ที่มาออกกำลังกาย


ความคิดเห็นของนิสิต






ความคิดเห็นของคุณป้าที่ออกกำลังกายประจำ






                                                            

จะเห็นได้ว่า

          จากการที่ได้สัมภาษณ์บุคคลที่มาออกกำลังกายได้มีข้อสรุปว่าปัญหาสภาพความมักง่ายจากการกระทำของมนุษย์ เพราะโดยปกติแล้วสถานที่ออกกำลังกายจะเป็นสถานที่ที่มนุษย์หรือบุคคลที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จึงอาจจะมีบุคคลบางกลุ่มที่มีความมักง่ายในการทิ้งขยะลงบ่อน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและความสกปรกของบ่อน้ำ จากสถานที่ที่ได้พบเรื่องถังขยะในบริเวณนั้นก็มีแค่แถบริมฟุตบาท แต่ภายในสวนนันทนาการมีถังขยะน้อยมาก จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีบุคคลทิ้งขยะกันได้ง่าย
          และจากการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่อยากให้มีการบำรุงรักษาหรือบำบัดน้ำเสียให้กลับมาใสสะอาด ซึ่งอาจจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานมหาวิทยาลัย หรือเทศบาล ฯลฯ ให้มีการดำเนินการหรือปลูกฝังจิตสำนึกเป็นป้ายรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะลงบ่อน้ำที่สวนนันทนาการ

ประโยชน์ที่ได้รับ
1.รู้ถึงสาเหตุของขยะที่อยู่ในบ่อน้ำ
2.สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
3.ได้รับความคิดเห็นจากบุคคลในบริเวณนั้น เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขต่อไป

ประเด็นพิจารณา
       1.  ปัญหาน้ำเน่าเสียบริเวณสวนนันทนาการสาเหตุเกิดจากอะไร แนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และฝ่ายใดควรจะเป็นผู้แก้ไขระหว่างมหาวิทยาลัยหรือ นิสิตนักศึกษาและชาวบ้านที่มาใช้สวนสาธารณะ
         2.  นิสิตจะหาข้อมูลจากการสัมภาษณ์จากแหล่งใด ใครจะเป็นผู้ให้ข้อมูล และนิสิตจะใช้คำถาม หรือประเด็นอะไรถามเพื่อการหาข้อมูล
         3.  นิสิตจะออกแบบสอบถาม โดยมุ่งเน้นจากนิสิตนักศึกษาเพียงอย่างเดียวหรือทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ประเด็นการสัมภาษณ์และแบบสอบถามสาเหตุการเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียบริเวณสวนนันทนาการและแนวทางแก้ไข
หัวข้อสำคัญที่จะใช้ในการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลและแบบสอบถามจากผู้ให้ข้อมูล  คือ
              - ปัญหาปริมาณและแหล่งที่มาของสาเหตุน้ำเน่าเสีย
              - หน่วยงานที่รับผิดชอบ
              - วิธีแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย
              - หน้าที่ใครที่จะต้องแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย
              - วิธีแก้ไขปัญหา
แผนการเก็บรวบรวมข้อมูล
1.  เก็บภาพบริเวณสวนันทนาการ2.  สอบถามข้อมูลจากนิสิตนักศึกษาชาวบ้าน อาจาร์ยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้นแล้วจดบันทึกข้อมูล3.  มีการแจกแบบให้นิสิตนักศึกษา ชาวบ้าน  อาจาร์ย เป็นต้น  กรอกแบบสอบถาม4.  นิสิตสังเกตแล้วจดบันทึกข้อมูลที่พบเห็น5.  ศึกษาข้อมูลจากทางมหาลัยและสอบถามคนที่มาใช้สวนสาธารณะ
วิธีนำเสนอข้อมูล
             1.  blogger
             2. ภาพถ่าย
             3. แบบสอบถามและบทสัมภาษณ์
             4. วิดีโอคลิป หรือ เสียงสัมภาษณ์(ถ้ามี)
แหล่งข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม
-   ทำการสัมภาษณ์ข้อมูลจากนิสิตนักศึกษา ชาวบ้าน อาจาร์ย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยวิธีการสุ่มจำนวน  10 คน
-   ผู้ให้ข้อมูล(นิสิตนักศึกษา ชาวบ้าน อาจาร์ย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) กรอกแบบสอบถามเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงจำนวน  20  คน

ผลสำรวจที่ได้
จากการนำแบบสอบถาม บทสัมภาษณ์และคลิป วีดีโอ บทสัมภาษณ์ จากบุคคลที่ไปใช้สถานที่ข้อสรุปที่ได้คือบุคคลส่วนใหญ่ มีความเห็นตรงกันว่า ต้องปรับปรุงในเรื่องการบำบัดน้ำ อย่างจริงจัง หน่วยงานทีเกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัย อีกทั้งยัง ทุกๆคนที่มาใช้สถานที่ต้องมีการ มีจิตสำนึกว่าเราไม่ควร ทิ้งขยะลงในน้ำ ทั้งนี้มันไม่ใช่ว่าที่จะต้องมีใครหรืหน่วยงานใดแต่เราทุกคนต้องช่วยกัน โดยการไม่ทิ้งขยะลงน้ำหรือสิ่งปฏิกูลลงในสระน้ำเพื่อการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปราศจากสิ่งปฏิกูลและกลิ่นของน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็น เพื่อน้ำจะได้กลับมาใสสะอาดอีกและเพื่อความสวยงามและน่ามาใช้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น

โดยได้ข้อสรุปวิธีแนวทางในการแก้ปัญหาดังนี้
-ติดป้ายเตือนห้ามทิ้งขยะลงในน้ำ
-ถังขยะควรมีในทุกๆจุดที่คนเยอะๆ
-เมื่อให้อาหารปลาเสร็จเราไม่ควรทิ้งถุงพลาสติกลงในน้ำ
-มีการเปิดเครื่องบำบัดน้ำอย่างจริงจัง
-ไม่ควรนำอุจระของสุนัขทิ้งลงในน้ำ
-ปลุกฝังจิตสำนึกของทุกคนโดยมีป้ายโฆษณาบอก
-มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลรักษาความสะอาด
-มีการจัดกิจกรรมให้ทุกๆคนที่สนใจจะพัฒนาลงพื้นที่เก็บขยะด้วยความสามัคคีและสมัครใจ

สรุปผลการสำรวจ
จากผลสำรวจนั้นบุคคลส่วนใหญ่เห็นด้วยให้มีการพัฒนาสภาพน้ำให้ดียิ่งขึ้นหรือมีการรณรงค์ในเรื่องการรักษาความสะอาดและการบำบัดน้ำเสียอย่างจริงจังโดยการที่เราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่ว่าจะหน่วยงานหรือทางมหาวิทยาลัยแต่เราทุกคนต้องช่วยกัน เพราะถ้าเกิดมีคนทิ้งแต่ไม่มีคนเก็บมันก็คงจะกลับมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้คือต้องเป็นความรับผิดชอบของทุกๆคนต้องร่วมมือกันเพื่อมหาวิทยาลัยของเราจะได้มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามและสะอาดน่าที่จะมาใช้สถานที่ในการทำกิจกรรมต่างออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของทุกๆคนครับ